วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ระลึกครบชาตะกาล สุนทรภู่ ๒๒๘ ปี


ขอบคุณภาพจาก
http://www.chomthai.com/forum/picture/1269969473.jpg

ประณตน้อม ประนมนอบ ประณีตใน
สำรวมใจ สำรวมกาย สำรวมจิต
ระลึกรู้ ระลึกรอบ ระลึกคิด
นิ่งสนิท นิ่งแน่วแน่ นิ่งพลัง
จึงตั้งจิต อภิวาท ประกาศคุณ
ท่านพระสุนทรโวหาร อ่านกลอนขลัง
คือแบบอย่าง กลอนสุภาพ อันโด่งดัง
ปราชญ์ผู้ยัง ชีวิตกลอน ได้สอนคน
ผ่านสามแผ่น ดินได้ อาศัยสร้าง
ได้วาดวาง ทางกลอน กระฉ่อนหน
ใช้ชีวิต วางแบบ ได้แยบยล
ในอับจน เรืองรุ่ง ไร้อาดูร
"อันโลกีย์ วิสัย ที่ในโลก
ความสุขโศก สิ้นกาย ก็หายสูญ
เป็นมนุษย์สุด แต่ขอ ให้บริบูรณ์
ได้เพิ่มพูน ผาสุก สนุกสบาย"(1)
สุนทรภู่ ครูกวี ศรีพิสุทธิ์
อันมนุษย์ น้อยนี้ น้อมถวาย
ทำประโยชน์ ทุกอย่าง ด้วยใจกาย
ตั้งจิตหมาย มั่นคง บูชาครู
จึงขอพร จากอักษร ที่ท่านสร้าง
คุ้มทั้งร่าง ทั้งจิต คิดพรั่งพรู
ปฏิภาน พูดคิด ศิษย์จำอยู่
อ่านตามรู้ ดูจำ ทำพากเพียร
"ขอเดชะ พระนารายณ์ อยู่สายสมุทร
พระโพกภุ-ชงค์เฉลิม เสริมพระเศียร
มังกรกอด สอดประสาน สังวาลเวียน
สถิตเสถียร แท่นมหา วาสุกรี
ทรงจักรสังข์ ทั้งคฑา เทพาวุธ
เหยียบบ่าครุฑ เที่ยวทวา ทศราศี
ขอมหา อานุภาพ ปราบไพรี
อย่าให้มี มารขวาง ระคางระคาย"(2)
๒๒๘ปี วันนี้ ชาตะกาล
เวลานาน แต่งาน ไม่สูญหาย
เป็นสง่า สวนอักษร มิเสื่อมคลาย
เราทั้งหลาย อ่านเรียน เพียรตามเอย

(1)(2)รำพันพิลาป

วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

แม่ใคร่ขอรับไว้ แทนลูก ทุกครา

ผมได้เป็นเจ้าของหนังสือ "จิ้งจกทัก" ของคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ท่านบอกไว้ในหน้าปกว่า มรดกปัญญาสำหรับลูก
คุณหญิงมีลูกสี่คน สามคนเป็นชาย หนึ่งคนเป็นหญิง ผมเคยเขียนถึงไว้เกี่ยวกับคำแปลของของท่านในเรื่องคำอธิษฐานของพ่อ ในหนังสือท่านบอกว่าท่านได้
"แม่จัดการคัดลอกด้วยลายมือและอัดใส่กรอบไว้ให้ลูกชายทั้งสามเมื่ออายุครบ 18 ปี ส่วน "อีฟ" แม่เขียนโคลงให้ด้วยตัวเอง เพราะเป็นลูกผู้หญิง ให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่ออายุ 21 ปี"
ผมได้นำภาพจากหนังสือจิ้งจกทักมาไว้ที่นี้ดังภาพข้างล่างนี้ครับ

ผมนับถือน้ำใจและความตั้งใจของคุณหญิงมากครับ หนังสือนี้พิมพ์ในปี 2547 และสิ่งที่ท่านปฏิบัติเป็นสิ่งที่ท่านตั้งใจไว้มาเป็นเวลานานและท่านทำจริงขอคาระวะอย่างนอบน้อมด้วยใจจริง
ท่านไม่ได้สอนแต่เฉพาะบุตรธิดาครับ ท่านสอนผมด้วย


วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ วันมาฆะบูชา

พระในมณฑปข้างเจดีย์วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม

เพ็ญเอ๋ย เพ็ญมาฆะ
พระพุทธะ โอวาท ปฏิโมกข์
สี่อุดมการณ์ สามหลัก พรากสิ่งโศก
วิถีโลก หกทาง สุขให้เป็น
ไม่ทำปาบ ทำดี จิตผ่องใส
ไม่ว่าร้าย ทำร้าย ระเบียบเห็น
พอดีใน ที่สงัด จิตร่มเย็น
บำเพ็ญพา มาฆะ บูชาเอย

มาฆบูชา โดย ตุ๊ดตู่ ร่าเริง

อุดมการณ์สี่ คือ
ความอดทนอดกลั้น
การมุ่งให้ถึงพระนิพพาน
ไม่เบียดเบียนทำให้เกิดความลำบากทุกข์กายใจ
มีจิตใจสงบจากอกุศลวิตกทั้งหลาย
หลักการสาม คือ
การไม่ทำบาปทั้งปวง
การทำกุศลให้ถึงพร้อม
การทำจิตใจให้บริสุทธิ์
วิธีการหก คือ
การไม่กล่าวร้าย
การไม่ทำร้าย
รักษาความประพฤติให้น่าเลื่อมใส
ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร
สันโดษไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ
พัฒนาจิตใจเสมอ

สรุปจากโอวาทปาฏิโมกข์
๏ ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี
สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโตฯ

๏ สพฺพปาปสฺส อกรณํ

กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ
เอตํ พุทฺธานสาสนํฯ

๏ อนูปวาโท อนูปฆาโต

ปาติโมกฺเข จ สํวโร
มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ
ปนฺตญฺจ สยนาสนํ
อธิจิตฺเต จ อาโยโค
เอตํ พุทฺธาน สาสนํฯ

โอวาทปาติโมกข์ เป็นหลักคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา เป็น "ปาติโมกข์" ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงตลอดปฐมโพธิกาล คือ 20 พรรษาแรก เฉพาะครั้งแรกในวันเพ็ญเดือนมาฆะ (เดือน 3) หลังจากตรัสรู้แล้ว 9 เดือน เป็นการแสดงปาติโมกข์ที่ประกอบด้วยองค์ 4 เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต ซึ่งมีเพียงครั้งเดียวในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งๆ 

(ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/โอวาทปาติโมกข์)

วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557

คนแก่ตัวเล็กเล็ก

ผมอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางอำนาจของประเทศไทย ศูนย์กลางอำนาจที่ใครๆ ในประเทศนี้บอกว่าเป็นกรุงเทพ กรุงเทพที่ผมเกิด แต่จากมาเพื่อทำมาหากินตั้งแต่อายุ 20 ปี จนบัดนี้ อายุผม 62 ปีแล้ว
ผมอยู่อย่างสงบติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของคน คนหลายๆ กลุ่ม
นั่งตั้งสติเพื่อทบทวน เหตุการณ์ที่ผ่านมา ผมเห็นอะไรบ้าง
เห็นการเรียกร้องต้องการ เห็นความต้องการขยายใหญ่ขึ้น เห็นความไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย เรียกร้องเพื่อให้ยุติ เห็นการยุติลง เห็นการเคลื่อนไปของความต้องการ เห็นการยุติลงอีกครั้งหนึ่ง เห็นการเคลื่อนไปของความต้องการอีกครั้งหนึ่ง เห็นฝักฝ่ายเครือข่ายโยงใย เห็นความรุนแรง การข่มขู่ การตัดสิน การฟ้องร้อง การหาพวกพ้อง การหาความยุติธรรมให้กับหมู่พวกตน การสร้างความเป็นธรรมในหมู่พวกตน ทุกฝ่ายดำเนินชีวิตเหมือนไม่มีอีกชีวิตอยู่ด้วย ทุกฝ่ายยกค่าความเป็นคนของตน และลดค่าความเป็นคนของฝ่ายตรงข้าม สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันดำรงอยู่และยังดำเนินไป
เหตุการณ์นี้เป็นเพียงปรากฏการณ์ของยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำ ส่วนที่อยู่ใต้น้ำผมไม่เห็น แต่แค่ที่เห็นมันทำให้สับสนในผู้คนของประเทศนี้ ผมรู้สึกถึงอะไรบ้าง
ผมรู้สึกถึงความต้องการที่ไม่มีประมาณ รู้สึกว่าการควบคุมประทะการต่อต้าน ความขัดแย้ง และความย้อนแย้งในตัวของมันเอง ปรากฏอย่างไม่มีประมาณ
คุณเห็นไหม
ฝ่ายหนึ่งได้สิ่งหนึ่งแล้วก็ปรารถนามากกว่าที่ควรเป็น ผลคือการพังทะลายทั้งขบวน

อีกฝ่ายหนึ่ง ได้สิ่งหนึ่งแล้วก็เป็นเช่นกัน ปรารถนามากกว่าที่ควรเป็น ผลยังไม่เกิดขณะบันทึกนี้
แต่ คุณเห็นแนวโนม้ไหม
คนกลุ่มเล็กๆ หลายๆ ที่ ออกมาแสดงความต้องการหลายที่ ต่างกรรมต่างวาระ แสดงสิทธิเสรีภาพของตน
ผมรู้สึกว่า คนหลากหลายความต้องการหลากหลาย ความรุนแรง ความอ่อนน้อม การละเมิด การเคารพ
ท่านพูทธทาสได้ให้เรากระทำต่อมนุษย์ไว้อย่างน่าสนใจว่า ถ้าเราคิดกันอย่างนี้ จะไม่มีการขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้น

คนแก่ตัวเล็กๆ สนใจเพียงดำรงอยู่เพื่อเรียนรู้ ทำประโยชน์และจากไป และจะทำตามที่ท่านสอนสั่ง

วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

ความเป็นไป (1) : วันหลังปีใหม่


ผมต้อนรับปีใหม่โดยการฟังสวดมนต์ข้ามปี และเข้านอนประมาณ 01.00 น.
ตื่นสาย 9.00 น.มาด้วยความสดชื่นของร่างกาย เฝ้าสังเกตความเป็นไปของโลกและชีวิต อากาศหนาวเย็น มีหมอกหนา พระอาทิตย์ไม่สามารถส่องแสงทะลุลงมายังพื้นดินได้ ผมตั้งจิตอธิษฐานให้โลกย์นี้สงบจากความต้องการนานาประการ
รายงานสภาพอากาศจาก กรมอุตุนิยมวิทยา

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของวันหยุดยาวในปีใหม่ของมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย เป็นวันที่ความหลับใหลและการพักผ่อนสำหรับมนุษย์เงินเดือนดำเนินไปสะสมพลังเพื่อจะต่อสู้ชีวิตในรอบปีต่อไป
แต่เกษตรกรข้างบ้านไม่มีวันหยุดเขายังคงปลูกพืชผลต่อไป เวลาของเขาสัมพันธ์กับฤดูกาลมากกว่าถูกกำหนดโดยเวลาราชการ
ผมรับประทานอาหารเช้าพร้อมครอบครัว เสพข่าวและภาพความสุขของการต้อนรับปีใหม่จาก ข่าวใน Internet และ Social Media ต่างๆ  และแล้วก็ต่อด้วยการแต่งกลอนปีใหม่ หลังจากที่มีกลอนส่งท้ายปีแล้ว แต่งกลอนปีใหม่และเขียน blog ที่มีอยู่ 5 แห่ง เพื่อสวัสดีปีใหม่แก่สรรพธาตุรู้ และเป็นการบันทึกไว้ในความทรงจำด้วย
สองแห่งเป็นกลอน สองแห่งเป็นการให้เรียนรู้ โดย ผมสนใจในสิ่งที่ กฤษณมูรติ (J.Krishnamurti) สอนและมูลนิธิอันวีกษณา ได้นำคำสอนมาเผยแพร่ ส่วนอีกแห่งหนึ่งนั้นเป็นการบันทึกคำบ่นและความปรารถนาที่จะให้สังคมสงบ
ในปีนี้ตั้งใจจะศึกษาคำสอนของกฤษณมูรติ ซึ่งเป็นผู้สนทนากับ David Bohm ผมเข้าใจว่า กฤษณมูรติเป็นผู้คิดค้น Dialogue และ David Bohm ได้ทำให้มันมีพลังด้วยการเผยแพร่ในรูปแบบ Bohmian Dialogue และผู้คนนำมาใช้อย่างมากมาย Dialogue หรือ สุนทรียสนทนาในประเทศไทยมีการนำมาใช้อย่างกว้างขวาง บางท่านบอกว่ามันลึกซึ้งเกินไป เราไม่ต้องเข้าใจแต่เอาหลักการฟังและพูดมาใช้ก็แล้วกัน เสมือนทำไปแล้วจะได้เข้าถึงหลักการได้ในภายหลัง
ในนิทรรศการ จ.กฤษณมูรติ และ โลกท่ามกลางวิกฤต แสดงให้เราเห็นเห็นหลายประการและอาจทำให้เราเข้าถึงหลักการได้ นิทรรศการนำเสนอว่า วิกฤตอยู่ในตัวคุณ สงคราม สะท้อนความหฤโหด ความกระหายเลือดของพวกเรา เราถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นคนรุนแรง การแบ่งแยกก่อให้เกิดความขัดแย้ง นั่นคือกฏตายตัว ฯลฯ ลองเข้าไปศึกษาดู  ผมคิดว่าต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจต่อไป และอาจนำมาแลกเปลี่ยนกันต่อไป
ผมได้ส่งคำกลอนอวยพรไปยังหลายที่ หลายคน และจบวันอย่างเรียนรู้ว่า การเชื่อมโยงมนุษย์เข้าด้วยกันเป็นสิ่งที่ทรงพลังยิ่ง