วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ถ้อยความแห่งรักใคร่

ขอตั้งจิตนอบน้อมต่อสรรพสิ่ง
ขอให้ความงดงามของสรรพสิ่ง ได้เป็นพล้งส่งให้สรรพธาตุรู้มีกำล้งสร้างสรรค์ความมีประโยชน์ เพื่อเผชิญความจริงหี่กดทับในห้วงหุกข์ทน
ขอความงดงามมีพลังแปรเปลี่ยนถ้อยคำแห่งความเกลียดชัง เป็นถ้อยความแห่งรักใคร่

ผมถามตัวเองว่า "ในใจนั้นมีความเป็นกลาง อยู่กับความเป็นจริง เห็นทุกสิ่งธรรมดา ทำงานไปอย่างเป็นงานของชีวิต เป็นมิตรกับสรรพสิ่งและสรรพธาตุรู้ อยู่กับวาทะปรามาส และชมเชยอย่างสร้างสรร ใช่ไหม"
ตอบและเตือนตนเองเสมอ ให้ตั้งมั่นเช่นนั้น

เหตุการณ์ปัจจุบันผมเห็นถ้อยคำแห่งความเกลียดชัง กระจายไปสู่ผู้คนอย่างรวดเร็ว การตัดสิน ดูถูกเหยียดหยาม และความกลัว มีพลัง พลังอันปราศจากสติ และปัญญาควบคุมความมุ่งทำลายล้างสิ่งที่ถูกตัดสิน ดูหมิ่นเหยียดหยาม รังเกียจและกลัว ไม่เห็นความเป็นมนุษย์ของมนุษย์ขั้วตรงข้าม เพราะมนุษย์ขั้วตรงข้ามถูกวาทะกรรม ของคนชั้นนำกดกลืนให้ต่ำ จนไม่มีความเป็นมนุษย์ ในขั้วตรงข้าม สร้างความชอบธรรมที่จะทำลายให้ไม่มีอยู่ในชีวิต ทำลายชีวิตเพื่อยังชีวิต

ปกติเราถูกสภาวะความจริงเช่นนี้กระทำอยู่เสมอ เราเผชิญกับสิ่งนั้นๆ อย่างไม่ได้ฉุกคิดไม่เฉลียวใจ ในสิ่งที่ยึดถือ ยึดและถือด้วยสภาวะที่สังคมที่หล่อหลอมมาว่าต้องเป็นเช่นนั้น เราถูกหล่อหลอมมาด้วยความเชื่อไม่ใช่ด้วยความคิด ชุดความคิดของเราถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่เรายังไม่มีกระบวนคิด แล้วเราก็ละเลย ไม่สงสัยในชุดความคิดที่ที่เรายึดถือ เราจึงไม่พ้นไปจากการชักจูงจากความเชื่อ เราไม่เคยตระหนักในชุดความคิดอื่นที่พ้นไปจากชุดความคิดที่เราได้รับการปลูกฝังมา ชนชั้นนำอีกกลุ่มก็สร้างชุดความคิดอื่นขึ้นมาเช่นกัน ด้วยการหล่อหลอมนั้นชุดความคิดต่างๆ ก็เติบโตมาพร้อมกับชุดความคิดของเรา ชุดความคิดมากมายถูกสร้างขึ้นมาเช่นนี้ แต่เราไม่ได้สนใจความแตกต่างเหล่านั้นเพราะชุดความคิดของเรากดทับความสงสัยของเราไว้ เมื่อชุดความคิดต่างๆ ปะทะกัน เราไม่มีที่หยัดยืนให้ในความคิดของเรา เราไม่ศึกษาไม่ให้พื้นที่ปลอดภัยที่จะให้ความคิดต่างมีพื้นที่ปรากฏตน เราตัดสิน ดูุถูกเหยียดหยาม และกลัวความคิดต่างนั้น เราไม่ได้อยู่กับความเป็นจริง เราไร้เมตตาที่จะให้ความคิดต่างได้หยัดยืน เราฆ่าตัดตอนในขณะที่เราประณามการฆ่าตัดตอน

เราไม่เรียนรู้เพราะเราไม่เห็นในสิ่งที่เราทำ เราไม่คิดในสิ่งที่เราเห็น เราไม่พูดในสิ่งที่เราคิด และสุดท้ายเราไม่ทำในสิ่้งที่เราพูด

เมื่อจิตที่ไร้เมตตาปรากฏ กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ก็ไม่เผยตนได้
ผมได้ทำตามที่ผมพูด ผมเห็นในสิ่้งที่ผมทำ ผมคิดตามที่ผมเห็น และผมพูด(เขียน)ตามที่ผมเห็น

ขอตั้งจิตนอบน้อมต่อสรรพสิ่ง
ขอให้ความงดงามของสรรพสิ่ง ได้เป็นพล้งส่งให้สรรพธาตุรู้มีกำล้งสร้างสรรค์ความมีประโยชน์ เพื่อเผชิญความจริงหี่กดทับในห้วงหุกข์ทน

ขอความงดงามมีพลังแปรเปลี่ยนถ้อยคำแห่งความเกลียดชัง เป็นถ้อยความแห่งรักใคร่ เพื่อสรรพธาตุรู้จะได้สร้างสรรค์สรรพสิ่งที่มีประโยชน์ ท่ามกลางความจริงที่ทุกข์ทน

ก่อนถ้อยความนี้ ปัญญาแห่งมนุษยชาติ
ท่อนต่อจากถ้อยความนี้ ความจริง ความงาม ความดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น